ในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ในทุกวันนี้ ถือว่ามีความสะดวกสบายง่ายกว่าในอดีตที่ผ่านมา เพราะมี เครื่องมือ Google Marketing โดยปัจจุบันการทำตลาดโดยอาศัยกูเกิลแพลตฟอร์มนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้นเพราะเนื่องจากมีผู้ใช้บริการค้นหาผ่าน Google ในประเทศไทยหลักล้านคนต่อวันและเป็นหลักร้อยล้านคนต่อเดือน ในยุคนี้ทีผู้คนนั้นอยู่แต่บ้านเนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้การค้นหาผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นสิ่งที่ถือเป็นปัจจัยหลักในสังคมยุคปัจจุบันในการค้นหาข้อมูลหรือสั่งซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งขาดไม่ได้ในปัจจุบันเลยก็ว่าได้
Google Marketing คืออะไร?
Google Marketing คือ เป็นกลยุทธ์การทำตลาดบน Google โดยจะเน้นโฆษณาให้กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้าสามารถมองเห็นสินค้าและบริการต่างๆ ของคุณได้ง่ายขึ้นและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยกลยุทธ์แบบนี้เมื่อสินค้าของเราสามารถทำให้ลูกค้ามองเห็นเป็นตัวเลือกแรกก็จะส่งผลให้ยอดขายเราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เปรียบเสมือนหากเราเปิดร้านค้าอยู่ติดถนน ลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาก็จะมองเห็นง่ายกว่าร้านค้าที่เปิดอยู่ท้ายซอย
โดยเครื่องมือการโฆษณาของ Google นั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ Google Ads และ SEO โดยแต่ละเครื่องมือนั้นมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไรเราไปดูกัน
Google Ads ซื้อพื้นที่โฆษณา ให้ยอดขายพุ่งกระฉูด
Google Ads เป็นเครื่องมือการโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาของกูเกิล มีทั้ง Google Search, Youtube หรือเว็บไซต์ที่ลงทะเบียนเป็นพันธมิตรกับ Google โดยพื้นที่โฆษณาจะมีราคาและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไปอันดับด้านบนจะมีราคาสูงกว่าอันดับที่อยู่ด้านล่าง
Google Search
เป็นการทำให้ลิงค์เว็บไซต์ของเราไปปรากฏอยู่บนอันดับแรกๆของการค้นหาบนกูเกิล แพลตฟอร์ม (Search Engine) เมื่อลูกค้ามีการเสิร์ช Keyword ที่เราทำการซื้อไว้ โดยรูปแบบจะมีคำว่า AD กำกับอยู่หน้าลิงก์ของเรา โฆษณารูปแบบนี้เป็นโฆษณาที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งของกูเกิล
Google Display Network หรือ GDN
เป็นการลงโฆษณาแบนเนอร์ (Banner) เป็นรูปภาพหรือตัวอักษรที่จะปรากฏบนเว็บไซต์ต่างๆที่เป็นพันธมิตรของกูเกิล เช่น Youtube Kapook หรือเว็บไซต์อื่นๆอีกกว่า 2 ล้านเว็บไซต์
Youtube Campaign
เป็นการลงโฆษณาสำหรับยูทูบแพลตฟอร์ม โดยโฆษณาจากขันธ์อยู่ด้านหน้าของคลิปวีดีโอก่อนเล่น กลางคลิปวิดีโอ หรือท้ายคลิปวิดีโอ บน Youtube
Shopping Campaign
เป็นการลงโฆษณาบนกูเกิลรูปแบบ Shopping Card ซึ่งจะโชว์ทั้งลูกสินค้า ราคา อีกทั้งยังเทียบราคากับแบรนด์อื่นๆ จุดเด่นของโฆษณารูปแบบนี้คือเราสามารถก็คลิกไปยังหน้าสินค้าเพื่อสั่งซื้อได้โดยง่าย
การคิดค่าใช้จ่ายจำหรับโฆษณา Google Ads
การคิดค่าบริการของ Google Ads จะคิดจากจำนวนคลิกที่เกิดขึ้นจากการลงโฆษณาของเรา
(Pay-per-Click, PPC) คือเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของเรา เราจ่ายเงิน หากไม่มีคนคิดโฆษณาของเราเราจะไม่เสียเงิน โดยราคาต่อค่าคลิกนั้นจะขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดที่เราเลือกคีย์เวิร์ด หากมีการค้นหามาก และมีการแข่งขันกันหลากหลายเจ้าจะทำให้คีย์เวิร์ดนั้นๆมีราคาที่สูงขึ้น
SEO เพิ่มยอดเข้าชมเว็บแบบไม่เสียค่าใชจ่าย
Search Engine Optimization หรือ SEO คือการทำเว็บไซต์ของเราให้ติดอันดับหนึ่งของการค้นหาบนกูเกิล จะเหมือนกับ Google Ads แต่จะต่างกันตรงที่ว่าการทำSEO ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณา โดยจะเน้นปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและบทความที่มีคุณภาพ อยู่ในเกณฑ์ทีกูเกิลกำหนดผมจะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับด้านบน แต่จะใช้ระยะเวลานานกว่า google ads
Content เนื้อหา
คือการจัดทำเนื้อหาของเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ มีสาระบอกกับผู้อ่าน ตอบโจทย์กับสิ่งที่ผู้อ่านกำลังค้นหาได้อย่างตรงจุด
- เนื้อหาบนเว็บไซต์มี Keyword ที่ตรงกับผู้ใช้งานที่กำลังค้นหา
- Word ต้องมีความสอดคล้องระหว่างหัวเรื่องกับ Keyword วิธีค้นหา หากเป็นบทความควรมีจำนวนคำ 1,000 คำ
- เนื้อหามีความสดใหม่
Structure โครงสร้างของเว็บไซต์
คือการปรับโครงสร้างของหลังบ้านเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
- ออกแบบเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการค้นหาบนเสิร์ชเอนจิ้น
- Responsive Design ปรับเว็บไซต์ให้เหมาะสมจากการรับชมจากทุกอุปกรณ์
- Speed เว็บไซต์สามารถโหลดได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้ HTTPS เพื่อความปลอดภัยสำหรับการรับส่งข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของคุณ
ทำ Seo นานเท่าไหร่ เว็บไซต์ถึงติดอันดับ
ในปัจจุบันนั้นแม้ธุรกิจจะสร้างเว็บไซต์ใหม่ตามหลัก SEO ในเบื้องต้นแล้ว จำเป็นต้องใช้ระยะเวลา 3-12 เดือน เพื่อให้เว็บไซต์ของเราอันดับแรกของกูเกิล โดยระยะเวลานั้นจะมีหลายปัจจัย อย่างเช่นระยะเวลาการเปิดให้บริการ การแข่งขันของคีย์เวิร์ดแต่ละตัวที่เราเลือกใช้
Search Volume คืออะไร?
คือจำนวนที่แสดงถึงการค้นหาคีย์เวิร์ดบนกูเกิลในแต่ละเดือน โดยจะช่วยให้เจ้าของเว็บสามารถทำบทความที่ตอบโจทย์กับสิ่งที่ลูกค้าสนใจ ในปัจจุบันมีเครื่องมือหลากหลายสำหรับการค้นหา
Search Volume โดยเครื่องมือทีเราแนะนำคือ Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือจากกูเกิลนั่นเอง
สรุป
การที่เราสามารถทำให้เว็บไซต์ติดอยู่ในหน้าแรกของการค้นหา จะช่วยให้ลูกค้านั้นพบเจอสินค้าและบริการของเราได้ง่าย ในการเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี ในการทำ Google Ads หรือ SEO ทั้งสองมีข้อดีต่างกันโดยเราสามารถเลือกการใช้งานได้ตามความเหมาะสม เช่นหากเราเริ่มต้นทำธุรกิจเราสามารถโฆษณาและทำ SEO ควบคู่กันไป และเมื่อเราติดอันดับจาก SEO เราก็อาจจะลดงบประมาณการโฆษณาจาก Google Ads ลง