สำหรับผู้ที่เริ่มต้นการโฆษณา การหาคีย์เวิร์ดที่จะใช้ใน Google Adsนั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ หากคุณกำลังทำเว็บไซต์เพื่อขายอาหารแมว เปรียบเทียบจากหากเราเป็นลูกค้าเอง เวลาจะค้นหาจากกูเกิลนั้น ลูกค้าที่ต้องการซื้อจะพิมพ์ว่าอะไร ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหรือสินค้านั้นช่วยแก้ปัญหาของกลุ่มลูกค้าได้อย่างไร เช่น ร้านขายอาหารแมว, อาหารแมวยี่ห้อที่ดีสุด, อาหารแมวกินแล้วขนไม่ร่วง คำเหล่านี้เป็นคีย์เวิร์ดที่สำคัญจะช่วยให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าของเราได้
ในการหาคีย์เวิร์ดเพื่อที่เราจะใช้โฆษณานั้นเราจำเป็นต้องมีเครื่องมือสำหรับการหาคีย์เวิร์ดเพื่อที่จะไปประหยัดเวลาและมาช่วยให้เราหาคำค้นหาได้ง่ายขึ้น เครื่องมือที่เราแนะนำวันนี้จะเป็นเครื่องมือที่มีอยู่ในกูเกิ้ลอ่ะ มีชื่อว่า Googel Keyword Planner สำหรับคนที่ต้องการหาคีย์เวิร์ดนั้นเครื่องมือนี้จะช่วยให้เราได้คิวที่ต้องการและยังมีคีย์เวิร์ดข้างเคียงที่เหมาะสมให้เราสามารถใช้ในการโฆษณาสินค้าและบริการของเราได้ดีมากยิ่งขึ้น ในเครื่องมือนี้จะบอกความนิยมของคีย์เวิร์ดมีอัตราการค้นหาต่อเดือนสูงมากเพียงใด มีอัตราการแข่งขันจำนวนเท่าไหร่ ราคาคลิกต่อครั้งเฉลี่ยเท่าไหร่ หากเราเลือกได้อย่างเหมาะสมจะช่วยทำให้โฆษณาของเรา ทุกคนเข้ามาภายในเว็บและทำการสั่งซื้อ จึงทำให้เราสามารถเพิ่มยอดขายได้ดี วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก โดยคุณต้องมีบัญชี Google Ads ก่อน หากท่านใดมีบัญชีอยู่แล้วให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
1.คลิกที่ Tools เลือก Keyword Planner
2.ให้ไปที่หน้า Discover new keyword และ Get search volume and forecasts ให้คลิกเลือก Discover new keyword ให้คุณป้อนคำค้นหาเบื้องต้นที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณ
3.ผลการค้นหาด้านล่างจะประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดที่เราใส่และคีย์เวิร์ดที่กูเกิลแนะนำเพิ่มเติม เป็น keyword ideas ,การแสดงผล search volume เป็นผลการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือน (Avg. monthly searchs), Competition (อัตราการแข่งขัน), Top of page bid ราคาเสนอสูงสุดและต่ำสุด และสามารถเลือก period (ช่วงระยะเวลา) ในการแสดงผลย้อนหลังได้
โดยคำค้นหาเหล่านี้คุณสามารถนำมาใช้ในกูเกิ้ลแอดเวิร์ดและยังสามารถวิเคราะห์ในการวางแผนงบประมาณที่เหมาะสมเพื่อให้โฆษณาของคุณดึงดูดต่อลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คีย์ที่สมควรหลีกเลี่ยนในการยิง goolge ads
หลักการที่ใช้หาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับธุรกิจของเราในการยิงโฆษณาบน Google ads เราจะต้องคำนึงถึง jouney ของลูกค้าในการค้นหาสินค้าและบริการของคุณ โดยมีหลักการง่ายๆ คือ 4W1H Who – What – When – Why -How
What – สินค้าอะไร? (เช่นอาหารสัตว์ อาหารแมว อาหารสุนัข)
Who – ใครคือลูกค้าของคุณ? (คนที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ภายในบ้าน)
When – เมื่อใครที่ลูกค้าคุณต้องการสินค้าหรือบริการนี้? (เช่น เวลาใด หรือโอกาสไหนที่ลูกค้าต้องการสินค้าของคุณ)
Why – ทำไมลูกค้าต้องซื้อสินค้านี้? (จุดแข็งของสินค้าหรือบริการที่เหนือกว่าคู่แข่งเจ้าอื่น)
How – เข้าถึงลูกค้าอย่างไร? (ช่องทางออนไลน์หรือมีหน้าร้าน มีการขายผ่านแพลตฟอร์มใดบ้าง)
เมื่อเราได้ทำการรีเสิร์ชคีย์เวิร์ดจากการใช้เครื่องมือกูเกิลแอดในการช่วยจากหลักการที่เรานำเสนอไปข้างต้นเราจะมีโอกาสโฆษณาไปให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในอนาคตของคุณได้ ทั้งนี้อย่าลืมนำข้อมูลบนเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดเข้ามาช่วยในการประกอบการตัดสินใจ ว่าคีย์เวิร์ดนั้นมีการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือนสูงมากเพียงใดจะทำให้ลูกค้ามีโอกาสเห็นเว็บไซต์ของคุณผ่านคีย์เวิร์ดนั้นการแข่งขันอยู่ที่ระดับไหนก็จะช่วยให้เราสามารถคำนวณงบประมาณอย่างเหมาะสม และอีกส่วนหนึ่งคือการค้นหานั้นบนโลกความเป็นจริงอาจมีการใช้คำค้นหาที่ผิดหลักไวยากรณ์หรือคำที่มีความหมายเหมือนกันแต่มีคำประเภทอื่น เป็นต้น
ประเภทของ keywords ใน goolge ads
1.Broad match
เป็น Keyword แบบกว้าง โฆษณาของคุณจะแสดงผลลัพธ์เมื่อมีคนค้นหาด้วยคำที่ตรงกันและยังแสดงผลเมื่อมีคอนเสิร์ตคีย์เวิร์ดใกล้เคียงหรือแม้แต่สะกดผิดแต่มีความหมายเหมือนกับคีย์เวิร์ดที่เราทำการลงโฆษณาตัวเว็บไซต์ของเราก็จะทำการโชว์ให้ลูกค้าเห็น
2.Phrase match
เป็น Keyword ที่แคบลงมากว่าแบบแรกซึ่งเรียกว่าแบบ ”วลี”โดยจะใช้เครื่องหมาย “__” ครอบ keyword ที่เราเลือกลงโฆษณา เว็บไซต์ของเราจะแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาด้วยคำเดียวกันที่เราเลือกไว้และอาจแสดงผลเมื่อมีคำนี้อยู่ในประโยคอื่นๆ แต่จะไม่สามารถแสดงผลหากนำคำคนอื่นๆเข้ามาคั่นตรงกลาง
เช่น “อาหารแมว” จะแสดงผลด้วยคำค้นหา อาหารแมว ขายอาหารแมว ซื้ออาหารแมวไทย แต่จะไม่แสดงผล หากค้นหาว่า อาหารสำหรับแมว
3.Exact match
เป็น Keyword เป็นคีย์เวิร์ดที่แคบและเจาะจงมากที่สุด โดยจะใช้เครื่องหมาย [__] ครอบ keyword การแสดงผลนั้นจะแสดงผลต่อเมื่อมีคนเข้ามาเสิร์ชคำค้นหาคำที่ตรงกับคีย์เวิร์ดเป๊ะๆ จะไม่แสดงเว็บไซต์เราหากค้นหาข้ามใกล้เคียงหรือพิมพ์ผิด
4.Negative
เป็นการยกเว้นไม่ให้โฆษณาแสดงผลในการค้นหาที่มีคำนั้นๆที่เราเลือกไว้ โดยจะใช้เครื่องหมาย – ไว้นำหน้าคีย์เวิร์ดเพื่อเป็นการกรองลูกค้าที่เราไม่ต้องการออกไป เช่น หากธุรกิจเรามีการขายและจัดส่งเฉพาะในกรุงเทพฯ ให้นำจังหวัดรอบข้างที่ไม่ต้องการใช้เป็น Negative keyword
งบประมาณในการยิง google ads
ในการกำหนดงบประมาณของเรานั้นเราสามารถกำหนดงบประมาณเองได้ในการโฆษณาต่อวัน โดยทางกูเกิลจะเริ่มต้นที่ 25บาท THB หากเราต้องการที่จะโชเว็บไซต์ให้แสดงผลเป็นอันดับหนึ่งเราจำเป็นต้องเสียค่าโฆษณาสูงกว่าคู่แข่งในปัจจุบัน ในจุดนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณในการตลาดที่เราต้องการจะลง โดยทางเราแนะนำว่า งบประมาณการตลาดไม่ควรเกิน 20% ของ margin จะช่วยให้เราสามารถสร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืน
หากท่านใดสนใจโฆษณาบนกูเกิลแอดให้สามารถสร้างยอดขายได้อย่างเติบโตแบบยั่งยืน สามารถติดต่อ sianpae เรามีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโฆษณาให้คำแนะนำและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ